การกบฏของสาวิตรี; กษัตริย์ขมังลาโศ與ความไม่สงบในราชสำนัก

หากพูดถึงประวัติศาสตร์เวียดนามยุคกลาง ย่อมต้องพูดถึงช่วงเวลาแห่งความปั่นป่วนและการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 12 นั่นคือ การกบฏของสาวิตรี ภรรยาผู้ทรนงของจักรพรรดิ lý Thánh Tông และผู้ซึ่งเป็นผู้มีอิทธิพลอย่างมากในราชสำนัก

สาวิตรี เป็นผู้หญิงที่มีความฉลาดและชาญฉลาด เธอมาจากตระกูลขุนนางที่ทรงอำนาจ และเธอได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถของเธอในการบริหารบ้านเมืองตั้งแต่ยังเป็นกุลสตรีธรรมดา ในปี ค.ศ. 1138 เมื่อจักรพรรดิ lý Thánh Tông สิ้นพระชนม์โดยไม่มีทายาทชาย สาวิตรี ผู้ซึ่งมีเชื้อสายขุนนางที่เก่าแก่และทรงอำนาจ ได้ขึ้นมารับตำแหน่งผู้ nhiếp chínhแทนพระองค์

การขึ้นมาของสาวิตรี เป็นจุดเริ่มต้นของความปั่นป่วนในราชสำนัก ขุนนางหลายคนไม่พอใจกับอำนาจที่เพิ่มขึ้นของเธอ และกลุ่มขุนนางฝ่ายตรงกันข้าม เริ่มที่จะก่อตัวขึ้น

ในปี ค.ศ. 1139 กษัตริย์ขมังลาโศ ผู้เป็นหลานชายของจักรพรรดิ lý Thánh Tông ได้ยกทัพมาต่อกรกับสาวิตรี และได้ขอรับการสนับสนุนจากขุนนางที่ไม่พอใจกับเธอ

สงครามระหว่าง สาวิตรี และ กษัตริย์ขมังลาโศ ดำเนินไปเป็นเวลานานถึง 5 ปี สงครามครั้งนี้ทำให้เวียดนามอยู่ในสภาวะความวุ่นวายอย่างมาก ประชาชนต้องทนทุกข์จากสงครามและความอดอยาก

ในที่สุด กษัตริย์ขมังลาโศ ก็สามารถเอาชนะสาวิตรีได้ และขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดิ lý Anh Tông

สาเหตุของการกบฏ

• อำนาจของผู้หญิง: การที่สาวิตรี เป็นผู้ nhiếp chính เป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในเวียดนามสมัยนั้น ทำให้ขุนนางหลายคนไม่พอใจและมองว่าเป็นภัยต่อขนบธรรมเนียม

• การสนับสนุนจากขุนนาง: กษัตริย์ขมังลาโศ ได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มขุนนางที่ไม่พอใจกับอำนาจของสาวิตรี ซึ่งทำให้เขาสามารถรวบรวมกองทัพและต่อต้านเธอได้

ผลกระทบของการกบฏ

บทเรียนจากประวัติศาสตร์ การกบฏของสาวิตรี เป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นถึงความยุ่งยากที่เกิดขึ้นเมื่ออำนาจและการเมืองถูกขัดแย้งกัน การต่อสู้เพื่ออำนาจในราชสำนักทำให้ประเทศต้องเผชิญกับความวุ่นวาย สงคราม และความทุกข์ของประชาชน